1. SELECT Statement
ประโยคคำสั่ง SELECT ได้รับการนำไปใช้ในการค้นหาข้อมูลในฐานข้อมูล และดึงข้อมูลที่เลือกตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด
ประโยคคำสั่ง SELECT มี 5 clause ให้เลือกใช้ แต่มีเฉพาะ FROM เป็น clause
บังคับ แต่ละ clause มีตัวเลือก พารามิเตอร์ เป็นต้น ให้เลือก
ไวยากรณ์
ประโยคคำสั่ง SELECT
SELECT [ALL | DISTINCT] column1[,column2]
FROM table1[,table2]
[WHERE conditions ]
[GROUP BY column-list ]
[HAVING conditions ]
[ORDER BY column-list [ASC | DESC] ];
[ ] ตัวเลือก
ตัวอย่าง
SELECT name, age, salary
FROM employee
WHERE age > 50;
ประโยคคำสั่งนี้จะเลือกค่าทั้งหมดในคอลัมน์ name, age และ salary จาก table
employee ที่ age มีค่ามากกว่า 50
NOTE: ต้องมีเครื่องหมาย semicolon(;) ปิดท้ายประโยค เพื่อชี้ว่าประโยคคำสั่ง
SQL จบสมบูรณ์และพร้อมที่จะแปล
เครื่องหมายเปรียบเทียบ (comparison operator)
= |
เท่ากับ |
> |
มากกว่า |
< |
น้อยกว่า |
>= |
มากกว่า หรือเท่ากับ |
<= |
น้อยกว่า หรือเท่ากับ |
<> หรือ != |
ไม่เท่ากับ |
เครื่องหมายเปรียบเทียบอื่นๆ
LIKE |
ทดสอบเปรียบเทียบข้อความ |
NOT LIKE |
หาค่าที่อยู่นอกเหนือจาก LIKE |
NULL |
ทดสอบเปรียบเทียบค่าว่าง |
NOT NULL |
ทดสอบเปรียบเทียบค่าที่ไม่ใช่ค่าว่าง |
ตัวอย่าง
SELECT name, title, dept
FROM employee
WHERE title LIKE 'Pro%';
ประโยคคำสั่งข้างบนจะเลือก แถว/ค่า ในคอลัมน์ name, title และ dept จาก
table employee ที่มี title เริ่มต้นด้วย Pro ซึ่งจะส่งตำแหน่งงานของ
Programmer หรือตำแหน่งอื่นที่ขึ้นต้นด้วย Pro ออกมา
ตัวอย่าง
SELECT name, title, dept
FROM employee
WHERE title = NULL;
ประโยคคำสั่งข้างบนจะเลือก แถว/ค่า ในคอลัมน์ name, title และ dept จาก
table employee ที่มี title ไม่ใช่ค่าว่าง
ALL และ DISTINCT เป็นคีย์เวิร์ดที่ใช้ในการควบคุมเลือกข้อมูลให้แสดง ทั้งหมด
(ALL) หรือเฉพาะเรคคอร์ดแบบไม่ซ้ำ (DISTINCT) ในคิวรี่ ถ้าต้องการดึงเฉพาะเรคคอร์ดในคอลัมน์ที่ระบุแบบไม่ซ้ำให้ใช้คีย์เวิร์ด
DISTINCT โดย DISTINCT จะคัดเรคคอร์ดซ้ำออกไปสำหรับคอลัมน์ที่ระบุ หลังจากประโยคคำสั่ง
ตัวอย่าง
SELECT DISTINCT age
FROM employee;
ประโยคคำสั่งนี้ส่งออกค่า age ที่ไม่ซ้ำกันจาก table employee]
|